แม่เอะใจ ลูกสาว 3 ขวบ กลับจาก รร.อนุบาล ร้องบอกซ้ำๆ “ฉี่ไม่ออก” ถอดกางเกงดูถึงกับร้องไห้!
ปัจจุบันมีผู้ปกครองหลายครอบครัวที่ต้องเลือกส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลให้เร็วที่สุด เพื่อที่ตนเองจะได้มีเวลาออกไปทำงานหารายได้มาจุนเจือครอบครัว และในฐานะพ่อแม่ย่อมหวังว่าลูกๆ ปรับตัวเข้ากับชีวิตส่วนรวมและเข้ากับสังคมได้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม การส่งเด็กเข้าสู่สังคมส่วนรวมเร็วเกินไป อาจส่งผลเสียที่ไม่คาดคิดได้ และไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของลูก
ดังเช่นเรื่องราวของคุณแม่คนหนึ่งในต่างประเทศ ที่ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองคนอื่นๆ หลังจากได้ส่งลูกสาวอายุ 3 ขวบเข้าโรงเรียนอนุบาล ในตอนแรกเธอรู้สึกมีความสุขและโล่งใจมากที่ลูกสาวได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งหลังจากกลับจากโรงเรียน ลูกสาวก็จับกางเกงแน่นและพูดซ้ำๆ ว่า “หนูฉี่ไม่ได้”
พฤติกรรมที่แปลกไปของลูกสาวทำให้ผู้เป็นแม่สับสน เพราะตามปกติลูกสามารถกางเกงไปเข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเองเป็นอย่างดี แล้วทำไมจู่ๆ ถึงไม่ยอมปัสสาวะ กระทั่งเมื่อเธอตัดสินใจช่วยลูกสาวถอดกางเกงออก สิ่งที่เห็นก็ทำให้ถึงกับร้องไห้ออกมา… ปรากฎว่าร่างกายของลูกสาวเต็มไปด้วยทราย และกางเกงของเธอก็สกปรกมากๆ
หลังจากซักถามอยู่พักหนึ่ง ลูกสาวถึงยอมเล่าความจริงว่า ครูอนุบาลไม่ยอมดูแลเด็กเล็กๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่ในวัยของพวกเขาอาจจะยังไม่สามารถทำได้ตัวเอง ในทางกลับกันครูถึงกับขู่เด็กๆ ว่าจะถูกตีหากใช้ห้องน้ำในโรงเรียนอนุบาล ดังนั้น ลูกสาวของเธอที่เป็นเพียงเด็กหญิงวัย 3 ขวบ จึงทำได้แค่แอบวิ่งไปที่พื้นทรายของสนามเด็กเล่นเพื่อปัสสาวะเงียบๆ
แม้ผู้โพสต์จะไม่ได้บอกถึงบทสรุปของเรื่องนี้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนได้ว่า ผู้ปกครองต้องใส่ใจและพิจารณาทุกพฤติกรรมของเด็กๆ อย่างรอบคอบเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสามารถเติบโตอย่างมีสุขภาพที่ดี ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และเอาใจใส่ ไม่รู้สึกว่าการเรียนรู้เป็นภาระมากกว่าความสุข
เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี มักมีนิสัยชอบเอาของเข้าปาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ถืออยู่ในมือ สามารถ “เข้าใจผิด” คิดว่าเป็นอาหารได้ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเอาเข้าปากเพื่อเคี้ยวและกลืนทันที ซึ่งทำให้จึงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตมาแล้วมากมาย
ยกตัวอย่างกรณีเด็กหญิงวัย 3 ขวบในเมืองหางโจว ประเทศจีน ที่สร้างความตื่นตระหนกในบนโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากการเสียชีวิตอย่างน่าสลด เหตุเกิดในระหว่างที่คุณแม่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนลูกสาวตัวน้อยๆ อยู่ในห้องนอนกับผู้เป็นพ่อ แต่แล้วพ่อที่ควรจะดูแลลูกเล็กอย่างใกล้ชิด กลับผล็อยหลับไป เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ได้พรากชีวิตลูกสาวไปตลอดกาล
ในระหว่างที่พ่อนอนหลับนั้นเอง ลูกสาวได้เล่นและ “กิน” อย่างมีความสุข แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของของเด็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นสีแดง การหายใจของเธอก็เร็วขึ้น จากนั้นเธอก็อาเจียนออกมาอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินเสียงดังลูกสาวผู้เป็นพ่อก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และยิ่งตื่นตระหนกเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ในเวลานี้ผู้เป็นแม่ก็รีบเข้าไปในห้องเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เช่นกัน
ทั้งคู่รีบพาลูกสาวไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แพทย์และพยาบาลหลายคนพยายามช่วยชีวิตอย่างถึงที่สุด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่า “สายเกินไป” ปาฏิหาริย์ไม่เกิดขึ้น หัวใจของเด็กน้อยหยุดเต้นแล้ว หลังจากนั้นแพทย์ทำการตรวจอย่างละเอียด พบว่ามี “ลูกอม” ทรงกลมและแข็งติดอยู่ในทางเดินหายใจ ทำให้เด็กหายใจไม่ออก และนี่คือสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
เมื่อรู้ความจริงที่ทำให้ลูกสาวต้องจากไปตลอดกาล ผู้เป็นแม่จึงตบสามีด้วยความโกรธ และทรุดตัวลงร้องไห้อย่างเจ็บปวดในโถงทางเดินของโรงพยาบาล ผู้เป็นพ่อก็หลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจเช่นเดียวกัน เพียงเพราะช่วงเวลาแห่งความประมาทเลินเล่อของเขา จึงทำให้ลูกสาวที่น่ารักต้องจากครอบครัวไปไม่มีวันกลับมา
เรื่องราวนี้สั่นสะเทือนโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน สร้างความตื่นตัวให้กับผู้ปกครองหลายคน ที่จริงแล้วอุบัติเหตุที่เด็กกลืนอาหารหรือวัตถุแข็งๆ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งในวัยนี้หลอดลมของเด็กมีขนาดเล็กมาก หากวัตถุขนาดใหญ่หรือยาวเข้าไปในปากหรือจมูกก็อาจทำให้หายใจไม่ออกได้ง่าย